• ทาง JICA มีพื้นที่ทำงานที่กรมการขนส่งทางราง และมอบหมายงานให้กับทีมงานเพื่อดำเนินงาน
• จัดตั้งการประสานงานระหว่างกรมการขนส่งทางรางและ JICA Expert Team (JET)
• จัดตั้ง Joint Coordinating Committee (JOC) และ Railway Demand Forest Working Group โดยกรมการขนส่งทางราง
• JET ได้พิจารณารายงานเบื้องต้น จากกรมการขนส่งทางรางและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
• ทำการหารือเกี่ยวกับรายงานเบื้องต้น กรมการขนส่งทางราง JET และที่ปรึกษา
• JET ส่งข้อมูลให้ทีมงานด้านวิชาการ และได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับแบบจำลอง และการวางแผน M-MAP2
• ส่งร่างแผนการดำเนินงานในเดือนกันยายนให้กรมการขนส่งทางรางพิจารณาขั้นสุดท้าย
• เริ่มการจัดประชุมประจำเดือน
• คณะทำงานของ JET จะเริ่มปฏิบัติงานที่กรุงเทพในเดือน ตุลาคม และ พฤศจิกายน
• JICA เสนอให้มีการจัดทำแบบจำลองซึ่งจะมีแบบจำลอง 2 แบบจำลองด้วยกันคือ Main Model และ Hub Access Model (พิจารณา Long Distance Trip จากนอกพื้นที่ศึกษา) เนื่องจากลักษณะการเดินทางด้านธุรกิจกับการท่องเที่ยวมีความแตกต่างกัน
• JICA เสนอ
o Main Model จะใช้ข้อมูลจาก สนข. สำหรับ Trip Production Trip Distribution Mode Split สำหรับ Railway Assignment จะทำการสำรวจในโครงการ M-MAP2 โดยมีตัวอย่างไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัวอย่าง
o Hub Access Model จะเป็นการจัดทำ Model ในโครงการ M-MAP2 นี้ โดยแนะนำให้พิจารณาตัวอย่าง ไม่ต่ำกว่า 10% ของผู้ที่เดินทางประจำวัน (ขึ้นกับการพิจารณาด้านสถิติ)
• Activity based Model
o JICA มีความกังวลเรื่อง ผลที่ได้จาก Model และ การใช้ประโยชน์ของ Model
o อ.ธีรพจน์ นำเสนอ
ผลที่ได้จาก Model คือ Trip Chain Demand และ ปริมาณความต้องการการเดินทาง ที่สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 3 สถานี
การใช้ประโยชน์ของ Model นันจะสามารถนำปริมาณคามต้องการการเดินทางมาเปรียบเทียบกับ Main Model ได้ และทดสอบการเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของประชากรที่สะท้อนถงความต้องการการเดินทางทางราได้ เช่น ผู้สูงอายุ
โครงสร้างของ Activity Based Model สำหรับ โครการ M-MAP2 จะเป็นแบบ Utility maximization based model ซึ่งเป็นแนวทางที่มีการศึกษามาอย่างกว้างขวางและใช้มาจนถึงปัจจุบัน และสดคล้องกับ Main Model ที่กำลังจะดำเนินการ
ในการทำ Activity Based Model จะใช้ข้อมูลจากโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนการสำรวจโดยการสัมภาษณ์
